Packaging City

Packaging Design Knowledge Center

Personal Branding การสร้างแบรนด์บุคคล

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว ซึ่งท่านสามารถปรับใช้ได้

มาเริ่มกันเลยครับผม..!!!!Personal-branding

เมื่อคุณนึกถึงแฮมเบอร์เกอร์ คุณจะนึกถึงแบรนด์อะไร ใช่แล้ว ส่วนมากก็ต้องนึกถึงแมคโดนัลด์ แล้วถ้ากาแฟพรีเมี่ยมๆ หน่อยละ ก็อาจจะนึกถึง สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ หรือแม้แต่แบรนด์สินค้าต่างๆ ที่คุณใช้เป็นประจำและสามารถจำลักษณะพิเศษของสินค้านั้นๆ ได้เป็นอย่างดี พูดถึงสิ่งนี้แล้วจะนึกถึงแบรนด์นี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยความสาเร็จจากการสร้าง แบรนด์ทำให้ตราตรึงอยู่ในใจของผู้บริโภค บางแบรนด์ก็นำกลยุทธ์ร้อยแปดพันเก้ามาสร้างจุดขายให้กับแบรนด์ เช่น สร้างเพลงให้ติดหูบ้างล่ะ สร้างคุณค่าทางการบริการมีคนมายืนเต้นๆ เพื่อความเอนเตอร์เทนให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการบ้างล่ะ หรือแม้กระทั่งการทำโฆษณาแนวเฮฮา ซึ้ง หรือสะเทือนอารมณ์ สิ่งต่างๆเหล่านี้คือการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้ทั้งสิ้น แต่ยังไม่พอนะครับ ยุคนี้สมัยนี้ นอกจากตัวสินค้าที่สามารถสร้างแบรนด์จนขายดีทำกำไรได้มหาศาลแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่า คนนี่แหละครับก็สามารถขายตัวเองเพิ่มมูลค่าโดยการสร้าง Personal Brand ได้เช่นกัน เรื่องการสร้างแบรนด์บุคคลก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวนะครับ มีตัวอย่างชัดๆ ในปัจจุบันที่ใกล้ตัวผู้อ่านอย่างเช่น นักร้อง ดารา ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ลองนึกภาพถึง ตุ๊กกี้ชิงร้อย อั้มพัชราภา และเบิร์ดธงไชย นะครับว่า ถ้าพูดถึงคนนี้ เราจะนึกถึงอะไรที่โดดเด่นของเค้าเป็นอันดับแรก ความตลกสนุกสนาน ความสวยเซ็กซี่ และก็ความสามารถ เป็นต้น นอกจากนี้ ในยุคแห่งโลกเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทอย่างมาก จึงเกิดกระแสคนดังจากการใช้ Social Media ลงคลิปใน Youtube ทำเว็บเพจ Facebook, Instragram แล้วโด่งดังชั่วข้ามคืน ก็ถือเป็นช่องทางในการสร้างแบรนด์ให้กับตัวเองอย่างหนึ่ง ตัวอย่างที่เป็นข่าวมากมาย เช่น เรื่องราวของวัยรุ่นระหว่าง เนวัดดาว กับแก๊งโอรส ที่ท้าต่อยตีกันผ่าน Socialcam จนกลายเป็นข่าวดังในสังคมออนไลน์ และสุดท้าย เนวัดดาว ก็ได้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีเพื่อสังคม ได้รับความสนใจจากสื่อโทรทัศน์ต่างๆ ให้ไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับวัยรุ่นไม่ให้เลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี ทาให้เนวัดดาวมีชื่อเสียงและมีแฟนคลับในเฟชบุ๊ค และ Socialcam เป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจจาก brand personal ด้านลบกลับกลายมาเป็นด้านบวกได้ครับ

tun-branding

ถ้าพูดถึงการสร้าง Personal Brand ในวงการธุรกิจไทย ก็คงต้องขอยกตัวอย่างคุณ ตัน ภาสกรนที (อิชิตัน )ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เจ้าของเครื่องดื่มชาเขียวแบรนด์ใหม่ที่ประสบความสาเร็จได้อย่างรวดเร็ว ปัจจัยสาคัญที่ทาให้แบรนด์ อิชิตัน สามารถไต่อันดับความนิยมได้อย่างรวดเร็วมากๆ ก็คงต้องชื่นชมตัวบุคคล คือ คุณตัน ที่มีความโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์และมีสัญชาติญาณที่เฉียบแหลมในการทำธุรกิจ สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ และยังเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งกรณีของคุณตัน ถือว่าเป็นตัวอย่างในการสร้าง Personal Brand ที่ประสบความสาเร็จของประเทศไทยได้เลยนะครับ ทั้งจุดเด่น ความเก่ง และการนำเสนอตัวเองที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มคนทั่วไป เรียกได้ว่าแฟนคลับเยอะถึงขั้นซุปเปอร์สตาร์แนวหน้าของไทยก็ว่าได้

shutterstock_98799173

ถ้าตัวอย่างระดับโลกต้องยกให้เจ้าพ่อนวัตกรรมของบริษัทยักษ์ใหญ่ แอปเปิล นั่นก็คือ สตีฟ จ๊อบส์ เป็นบุคคลที่โลกยังจดจำถึงผลงานและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเค้า ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกการแต่งกาย วิธีการพูด วิธีการคิด การนาเสนอไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก สตีฟ จ๊อบส มีความเชื่อที่สามารถทาให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่เค้าทำ และเห็นคุณค่าได้อย่างประสบความสาเร็จ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า แม้สตีฟ จ๊อบส์ จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ความ

แข็งแกร่งใน Personal Brand ของเค้าก็ยังเป็นที่จดจำต่อชาวโลก

คำถามคือ ต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถสร้าง Personal Brand ให้ประสบความสำเร็จได้บ้าง..??

Personal-c จริงๆ แล้วถ้าเรามองง่ายๆ การสร้างแบรนด์จะมีพื้นฐานหลักเหมือนกับการสร้างแบรนด์สินค้าทั่วไป อาจจะใช้หลัก 4Ps ง่ายๆก็ได้ครับ แต่ในที่นี้ Product คือ ตัวบุคคล และเพิ่ม Personality เข้ามา ซึ่งหมายถึง การดึงตัวตนของคุณออกมา ความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างและโดดเด่น ย้ำนะครับ ว่าต้องไม่เหมือนใครด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แค่คุณมีความต่างโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครแล้วจะประสบความสาเร็จเสมอไปนะครับ ซึ่งการนำเสนอ หรือการขายตัวเองต่างหากล่ะครับที่มันยากกว่า จะทำอย่างไรให้น่าสนใจ และเป็นที่จดจำของคนหมู่มาก เพราะคุณต้องสร้างความคิดและความรู้สึกของคนอื่นที่จะมีต่อตัวคุณ ก่อนอื่นเลยนะครับเราลองมาทาความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของการสร้างแบรนด์บุคคล หรือการสร้างเอกลักษณ์บุคคล (Personal Brand Characteristics) มีกุญแจหลักสาคัญ 3 ประการที่จะช่วยสร้าง แบรนด์ให้แข็งแกร่ง ดังนี้

ประการแรก คือ การวิเคราะห์ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นของตัวคุณเอง โดยต้องมีความเข้าใจก่อนว่า คำว่า โดดเด่น ไม่ได้หมายความเพียงแค่ว่า แตกต่างเท่านั้น แต่ต้องหมายถึงความเข้าใจความต้องการของคนอื่น ความต้องการที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านั้น โดยต้องตั้งคำถามและตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณเชื่ออะไร และต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำตามความเชื่อนั้น
ประการที่สอง คือ การเชื่อมต่อประเด็นสำคัญ เมื่อคุณเข้าใจในจุดเด่นเอกลักษณ์ของตัวคุณเองแล้ว ดังนั้น คุณจึงสามารถกาหนดเป้าหมายและรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการคือใคร เพื่อคุณจะได้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ โดยพิจารณาจากคำถามที่ว่า อะไรที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ อะไรที่เค้าอยากได้ อะไรที่เค้าให้คุณค่า อะไรที่เค้าคาดหวัง ซึ่งคำตอบทั้งหมดเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจว่าควรทำอะไรให้สัมพันธ์กับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ เพื่อที่จะเข้าถึงความสนใจได้อย่างตรงประเด็นและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงได้

และประการสุดท้าย นับว่าสำคัญมากครับ คือ การสร้างความจงรักภักดี โดยการทำซ้ำ เน้นนะครับทำซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องจนกว่าคุณจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่นในสิ่งที่คุณเชื่อและลงมือทำจนเป็นนิสัยหรือพฤติกรรม จนทำให้ผู้อื่นรับรู้และเชื่อไปกับสิ่งที่คุณทำด้วย ตัวอย่างเช่น สตีฟ จ๊อบส์ ได้สร้างความเชื่อให้คนศรัทธาในนวัตกรรมใหม่ๆ ของเค้า ซึ่งเค้ามีความมุ่งมั่นหมั่นคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเสมอๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้คนเห็นภาพจนเกิดความเชื่อและ อินไปกับสิ่งที่เค้าทำ ส่งผลให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เค้าสร้างเข้าไปอยู่ในความคิดและสามารถสร้างความจงรักภักดีในแบรนด์ได้อย่างประสบความสำเร็จ

personal_b

อย่างไรตาม การสร้างแบรนด์บุคคลให้ประสบความสาเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก อาจต้องอาศัยปัจจัยส่งเสริมในหลายๆ ด้าน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักเพียงแค่คุณสามารถตอบตัวเองได้ว่า คุณคือใครและคุณเชื่อในสิ่งใด ซึ่งสองสิ่งนี้จะช่วยต่อยอดในสิ่งที่คุณทำและนำไปสู่การตั้งเป้าหมายและขั้นตอนการปฎิบัติ เพื่อที่จะเชื่อมต่อไปยังบุคคลอื่นให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงตัวตนที่คุณแสดงออกมา เมื่อความเชื่อของคุณสามารถตอบสนองและเข้าถึงการรับรู้และสามารถสร้างความคิดไปยังผู้อื่นได้แล้ว ความโดดเด่นหรือเอกลักษณ์ของคุณจะเป็นที่รู้จัก ถูกจดจำ และสามารถสร้างมูลค่าให้กับตัวคุณ ส่งผลให้การสร้างเอกลักษณ์บุคคลได้อย่างประสบความสำเร็จอีกด้วย

Credit : SMEs Plus

Filed under: Other, , , , , , , , , , , ,

อูว่ะ..ศาสตร์ฮวงจุ้ย เกี่ยวอะไรก็โลโก้ ?

ความเชื่อนั้นอยู่คู่คนไทยมานานแสนนาน ถ้าเป็นตัวบุคคลก็ทั้งดูหมอ ดูไพ่ ดูลายมือ ลายเท้า เบอร์มือถือ ทะเบียนรถ จัดบ้าน หรือหมอดูบางคนประยุกต์ศาสตร์นี้โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เพิ่ม เช่น หมอดูขยำกระดาษ, หมอดูกระดองเต่า ซึ่งศาสตร์พวกนี้มันก็ได้ประยุกต์ หรือคืบคลานเข้ามาในงานออกแบบซะงั้น โดยเฉพาะโลโก้ หรือตราสัญลักษณ์

Fungshui_compass

น่าคิดนะครับความทำไม มันจึงมีอิทธิพลเข้ามาในงานออกแบบโลโก้(Logo Design)ได้ ถ้าวิเคราะห์กันดีๆแล้ว จะพบว่า เรื่องของตราสัญลักษณ์นั้น มันเสมือนดั่งตัวแทนชื่อเสียงเรียงนาม ภาพลักษณ์ ถ้าลงไปลึกอีกมันก็จะเหมือนกับ ลายนิ้วมือนั่นเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเป็นเฉพาะตัวทั้งสิ้น ดังนั้นหมอดูทำนายชีวิตจากลายนิ้วมือได้ ทำไมเล่าจะทายจากโลโก้ไม่ได้

แต่ๆๆๆลายนิ้วมือมันสร้างเองไม่ได้นะ (หมอดูจึงได้แค่ทำนายเฉยๆ) แต่โลโก้นั้นถูกสร้างขึ้นมา ด้วยเหตุกระนั้นหมอดูจึงเอาศาสตร์ของตนเองมาผสมผสานกับศาสตร์ของการออกแบบนั้นเอง

อ่า…เท้าความกันมานาน เข้าเรื่องเลยดีกว่า

Feng shui (เฟิ่งสุ่ย) หรือฮวงจุ้ย มีประวัติยาวนานมาหลายพันปี เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) โดยมีประวัติเล่าขานกันว่าฮวงจุ้ยในสมัยก่อนเริ่มจากการใช้ในการเลือกสุสานให้ฮ่องเต้ และใช้ในการคัดสอบเข้าคัดเลือกข้าราชการบุคคลที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ฮวงจุ้ยคือ อาจารย์ ยาง หยุน ซาน (Master Yang Yun Sang) ท่านเป็นคนเขียนตำราเกี่ยวกับฮวงจุ้ยโบราณ และยังสร้างโรงเรียนสอนเกี่ยวกับฮวงจุ้ย การดูทำเล สถานที่ต่างๆ อีกด้วย

425928832_orig

โดยสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกทำเลสถานที่ตามคำโบราณชาวจีนก็คือ ต้องเน้นทำเลที่มีพลังงานมังกร หรือลมหายใจของมังกร ต้องตรวจสอบรายละเอียดลักษณะทำเลที่ดี เช่น ภูเขา ที่ดิน หุบเขา แหล่งน้ำ แม่น้ำ และยังใช้พลังชีวิต หรือพลังชี่ (The Vital energy, or Chi) ที่ใช้ในการอธิบายถึงการหาทำเลธรรมชาติที่เหมาะสมและมีพลังขับเคลื่อนที่ดี โดยอ้างอิงจากสัญลักษณ์หรือลักษณะของสัตว์ในตำนาน เช่น มังกรหยก, เสือขาว, นกสีแดง และ เต่าดำ  นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องของศาสตร์ฮวงจุ้ยในเชิงองศาทิศทาง (Compass Feng Shui) เช่น หยินหยาง (Yin-Yang) ธาตุทั้ง 5 (Five Elements) และจตุรัสกลลัวซู (Lo-Shu Square) มาใช้เกี่ยวกับฮวงจุ้ย และสุดท้ายก็ คือ เรื่องสัญลักษณ์ฮวงจุ้ยต่างๆ (Symbolic Feng Shui) ที่สื่อถึง ความร่ำรวย ความเชื่อโบราณสืบทอดกันมาและความหมายทีดี สรุปก็คือ ฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์ว่าด้วยการเหนี่ยวนำเอากระแสพลังงานที่ดีจากทิศทางที่เหมาะสมรวมไปถึงการคำนวณถึงความสัมพันธ์ของวงโคจรของดวงดาวต่างๆ ในแต่ละปีต้องสัมพันธ์กันทั้ง ชะตาฟ้า (Heaven Luck) ชะตามนุษย์ (Man Luck) และชะตาดิน (Earth Luck) พูดง่ายๆคือศาสตร์ของฮวงจุ้ยนั้นมีมากมายจริงๆ

logo_inter

พอจะเข้าใจคร่าวๆ ถึงภาพรวมๆแล้วนะครับว่า ศาสตร์ฮวงจุ้ยมีที่มาที่ไป หรือเกี่ยวข้องกับอะไรบ้างพอสังเขป คราวนี้เราลองมาดูกันนะครับว่า ศาสตร์ฮวงจุ้ยต่างๆเหล่านี้ มันเกี่ยวข้องกับชีวิต หรือธุรกิจของเราอย่างไรบ้าง ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่าหลักฮวงจุ้ยไม่ใช้เรื่องไกลตัวหรือยากเกินไป ผมจะลองยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ทุกท่านได้เห็นภาพ และเกี่ยวกันกับการออกแบบโลโก้สำหรับผู้ประกอบการ ให้ท่านสามารถนำหลักฮวงจุ้ยมาปรับใช้กับธุรกิจได้

ก่อนอื่นผมอยากให้ท่านจำและจด เรื่องพลังงานธรรมชาติพื้นฐานของธาตุทั้ง 5 หรือ เบญจธาตุ (Five Feng Shui Elements) ก่อนเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจในการปรับหรือเลือกโลโก้ (Logo)นะครับ

  • ธาตุไฟ (Fire) สัญลักษณ์ สีแดง,เหลือง,ส้ม,ม่วง, ชมพู รูปสามเหลี่ยม
  • ธาตุดิน (Earth) สัญลักษณ์ สีเหลือง,น้ำตาลอ่อน รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
  • ธาตุทอง (Metal) สัญลักษณ์ สีขาว,เทา วงกลม
  • ธาตุน้ำ (Water) สัญลักษณ์ สีน้ำเงิน,ดำ คลื่น
  • ธาตุไม้ (Wood) สัญลักษณ์ สีเขียว,น้ำตาล สี่เหลี่ยมผืนผ้า

5element_Guide Fengshui Logo

 

องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการออกแบบโลโก้(Logo Design)ในมุมของฮวงจุ้ย คือ สี, ภาพ และความหมาย (Colors & Image & Meaning)

ฉะนั้น วิธีที่จะทำให้เกิดพลังที่ดีคือ

1. เริ่มจากพิจารณาธาตุเกิดของเจ้าของกิจการว่าเป็นธาตุใด ต้องใช้สีหรือสัญลักษณ์รูปภาพแบบไหนมาใช้ในการออกแบบโลโก้

2. ธุรกิจที่ท่านทำเกี่ยวกับอะไร เช่น ธุรกิจอาหาร อยู่ในธาตุไฟ สีที่ควรนำมาใช้ควรมีสีแดง สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม

3. เมื่อทราบถึงธาตุทั้ง2ส่วนที่สำคัญ คือ ธาตุของตัวท่าน และธุรกิจที่ทำ ก็สามารถช่วยในการพิจารณาว่า ธาตุของท่านกับธุรกิจนั้น ช่วยส่งเสริมหรือเป็นปฎิปักษ์กันนะครับ ถ้าเป็นปฎิปักษ์ก็อาจจะต้องปรับเน้นธาตุที่มีพลังเกื้อหนุนมากกว่าธาตุที่มีพลังหักล้าง หรืออาจจะเพิ่มส่วนประกอบของธาตุอื่นที่สามารถสร้างสมดุลให้ท่านและธุรกิจของท่านสามารถมีพลังงานที่ดีสอดคล้องกันได้ครับ

4. สุดท้ายคือควรออกแบบให้โลโก้นั้นมีความหมายที่ดี

ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านเป็นคนธาตุไฟ แต่ทำธุรกิจประเภทอาหารทะเลซึ่งเป็นธาตุน้ำ ในหลักฮวงจุ้ย ธาตุน้ำเป็นปฎิปักษ์กับธาตุไฟ วิธีปรับก็คือ อาจจะนำธาตุที่ส่งเสริมธาตุไฟ เช่น ธาตุไม้ มาช่วยเติมพลังให้ไฟแข็งแกร่ง อาจจะใช้สีเขียวหรือสีน้ำตาล หรือรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผสมผสานกับเอกลักษณ์สีและรูปทรงของธาตุไฟ มาออกแบบโลโก้ให้ดูโดดเด่น กว่าการใช้ลักษณะของธาตุน้ำที่เป็นปฎิปักษ์ เช่น อาจจะใช้ ความเป็นคลื่นของธาตุน้ำ แต่ใช้สีเขียว หรือน้ำตาลของธาตุไม้ หรือแดงของธาตุไฟ ให้สมดุลกันตามหลักการหยินหยาง เป็นต้นครับ
เราลองมาดูกันนะครับว่าองค์กรใหญ่ๆ ว่าทำไมเค้าถึงนำหลักการฮวงจุ้ยมาใช้กันอย่างมากมาย ทั้ง การออกแบบสัญลักษณ์โลโก้ และการคัดเลือกพนักงาน เพราะเค้าเชื่อว่าฮวงจุ้ยที่ดีนั้นจะส่งผลต่อพลังงานที่ดีให้ธุรกิจ หรือคนในองค์กรขับเคลื่อนไปได้อย่างทรงพลัง เหมือนเกื้อหนุนซึ่งกันและกันครับ เราลองมาดูตัวอย่างโลโก้ ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จและใช้หลักการฮวงจุ้ยในการออกแบบโลโก้นะครับ

KasikornLogoidentity

เช่น ธนาคารกสิกร, บริษัทสหพัฒนพิบูล ก็เป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจนะครับ ถ้าดูตามหลักฮวงจุ้ยนับว่าเป็นสัญลักษณ์โลโก้ที่มีความสมดุลกันตามหลักหยินหยาง สีแดงส้มของ ธาตุไฟที่สอดคล้องกับธุรกิจ และผู้บริหารอย่าง ดร.เทียม โชควัฒนา พร้อมยังแสดงความหมายเกี่ยวกับ element สัญลักษณ์ภายในโลโก้ได้อย่างชัดเจน หรือ

apple

แม้แต่โลโก้ Apple ในแง่ความหมายก็ใช้ภาพสัญลักษณ์แอบเปิ้ลที่มีรอยกัด ถ้าลองนึกดูดีๆ นะครับ ความเชื่อที่ว่าแอปเปิ้ลเป็นผลไม้แห่งชีวิตที่ให้กำเนิดอาดัมและอีฟ ตามหลักฮวงจุ้ย ก็คือ สิ่งที่ก่อให้เกิดพลังงาน ส่วนเรื่องสีนั้น ใช้สีดำ เหมาะสมกับธาตุเจ้าของกิจการอย่าง Steve Job ซึ่งก่อนหน้านั้นโลโก้ Apple เป็นสีรุ้งก็เหมาะเพราะเนื่องจากมีสีตัวแทน 5 ธาตุ คล้ายๆกับโลโก้ Google ถือว่าใช้สีได้ครบตามธาตุทั้ง 5 เช่น G สีฟ้า ธาตุน้ำ O และ e ธาตุไฟ O สีเหลือง ธาตุดิน และ l สีเขียว ธาตุไม้
google

การออกแบบสัญลักษณ์โลโก้ให้กับแบรนด์ โดยใช้หลักการฮวงจุ้ยนั้น ถือเป็นทางเลือก เป็นเรื่องของความเชื่อเฉพาะบุคคล บางคนใช้ศาสตร์นี้เพื่อความสบายใจ บางคนใช้เพื่อสร้างความฮึกเหิม แต่ทั้งหมดทั้งปวงสิ่งสำคัญที่สุดในการออกแบบโลโก้(Logo Design)ก็คือ ต้องสามารถ จำได้ง่าย และต้องแสดงตัวตนหัวใจของสินค้า และขาดไม่ได้ที่เป็นหลักสำคัญให้แบรนด์ชื่อดังต่างๆ ประสบความสำเร็จ ก็คือ การบริหารการจัดการ การวางแผนกลยุทธ์ที่ดี รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่นับว่าเป็นหัวใจของการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืนครับ

Cr : SMEs PLUS Column Idea Café

Filed under: Other, , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

Follow Us